รีวิวอาชีพครูสอนโยคะ ข้อดี vs ข้อเสีย จากปสก. 10 ปี +
- Luxsica Priyavoravong
- 16 ก.ค.
- ยาว 1 นาที

รีวิวแบบหมดเปลือกจากคนที่ตั้งใจทำอาชีพนี้มา 10+ ว่าข้อดีข้อเสียของการเป็นครูสอนโยคะนั้นมีอะไรบ้าง
ใครรีบหรือมีเวลาน้อย อ่านสรุปด้านล่างก่อนได้เลยค่ะ
ข้อดี
เป็นงานที่ทำแล้วได้สุขภาพกาย สุขภาพจิต รายได้ดี และได้อิสระในการจัดตารางชีวิตัวเองได้จริง
ใครเป็นสายพัฒนาตัวเอง สายเรียนรู้ จะชอบอาชีพนี้ เพราะเราได้พัฒนาตัวเองตลอด ทั้งทางกาย และใจ
ดราม่าในที่ทำงานน้อย ยิ่งเป็นนายตัวเอง ยิ่งไม่ค่อยมี ส่วนใหญ่คนที่เจอ จะสนใจเรื่องของตัวเองเป็นหลัก และคุยกันเรื่องสุขภาพมากกว่าอย่างอื่น
Career Path ไปไกลกว่าแค่การสอนโยคะ จากตอนแรกที่เป็นครูสอนโยคะเพื่อสุขภาพ สามารถต่อยอดเป็นการสอนเวิร์คช๊อป การจัดการท่องเที่ยวที่ผสานโปรแกรมสุขภาพ (retreat) และทำสินค้าอื่นๆ จากความรู้ของการเป็นครูโยคะออกมาขายได้ เพิ่มรายได้ตามอายุประสบการณ์ เพิ่มทักษะตามอายุปีไปโดยปริยาย
จากประสบการณ์ส่วนตัว คิดว่านี้คือทางสายกลางของคน Introvert ในการทำงาน เจอคนไม่มาก แต่เจอคนคุณภาพ จัดสรรเวลาให้ได้อยู่กับตัวเองได้สม่ำเสมอ
ข้อเสีย
ในช่วงเริ่มต้นเหนื่อยมาก กว่าจะหาทางของตัวเองเจอ เหนื่อยทั้งการหางาน เหนื่อยทั้งการบริหารเวลา อยากเลิกทำอาชีพนี้หลายรอบ แต่สุดท้ายก็ทำต่อ เพราะเชื่อว่าปลายทางต้องดีขึ้น และไม่อยากกลับไปทำงานประจำ ให้เสียสุขภาพ แถมมีเพดานรายได้ที่จำกัดอีก
รายได้ไม่แน่นอน โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้น ทำให้เครียดพอสมควร โชคดีที่เจอทางของตัวเองว่าการสอนออนไลน์เป็นทางถนัด และเจอกลุ่มลูกค้าของตัวเองในที่สุด จากการพยายามทดลอง และพัฒนาตัวเองมาไม่หยุด ใช้เวลาไป 5 ปี
สำหรับสายฟรีแลนซ์ หรือนายตัวเอง ต้องเรียนรู้ที่จะทำทุกอย่างเอง เป็นทั้งครู ทั้งบัญชี ทั้งมาเก็ตเตอร์เอง ช่วงแรกต้องเรียนรู้หลายทักษะหน่อย แต่ก็ไม่เกินความสามารถเกินไป
ถ้าเป็นสายนายตัวเองแบบที่เราทำตั้งแต่แรก ก็อาจจะเหงาๆ หน่อย เพราะไม่มีทีม หรือเพื่อนร่วมงานเลย
.
ษิเริ่มเป็นครูสอนโยคะตอนอายุ 19 ปี
หลังจากเริ่มเรียนโยคะไปได้ 4 เดือน
เคยไปสอนทั้งแบบในสตูดิโอ
หรือที่เรียกว่าเป็นฟรีแลนซ์รับจ้าง
และสอนตามบริษัทต่างๆ หลังเลิกงาน
จนกระทั่งมาเปิดสอนของตัวเองที่บ้าน
และสุดท้ายมาพบทางของตัวเองว่า
ชอบสอนออนไลน์ และสอนได้ดีที่สุดค่ะ
.
ษิว่าเป้าหมายของคนเรามีเยอะมาก
แต่พอจัดหมวดหมู่ให้แล้ว มันเหลือแค่ 4 หมวดสำหรับษิ
นั่นก็คือ สุขภาพ การเงิน และความสัมพันธ์ การเติบโต
ซึ่งสุขภาพในที่นี้หมายถึง สุขภาพกาย และใจ
การเงินส่วนใหญ่ก็จะเกี่ยวข้องกับสายอาชีพที่เลือกทำอยู่แล้ว
ส่วนความสัมพันธ์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่คนที่เรารักเท่านั้น
แต่ยังหมายถึงความสัมพันธ์ที่เรามีต่อตัวเอง ในการเติบโตของตัวเองด้วยค่ะ
และการเติบโตก็หมายถึงการพัฒนาตนเองไปเรื่อยๆ
เรียนรู้จากประสบการณ์จริง จากครู จากลูกศิษย์ตัวเอง
ซึ่งเมื่อมองย้อนกลับไป
การเป็นครูสอนโยคะในความคิดของษินั้น
คือหนึ่งในหนทางที่ตอบโจทย์ทั้ง 4 มิติของชีวิตที่ว่ามาครบหมด
.
แน่นอนว่าในช่วงเริ่มต้นคงไม่มีอะไรง่าย
ษิเลิกไปลองทำอาชีพอื่นก็เคยแล้ว
แต่ทำได้แป๊ปเดียวก็กลับมาหาโยคะใหม่
เพราะรู้ว่าเรากำลังเอาสุขภาพ
(ที่ก็ไม่ค่อยจะดี ณ ตอนนั้น)
ไปแลกกับเงินที่สุดท้าย
ก็เอามาเป็นค่ารักษาตัวเองอยู่ดี
มันก็เลยกลายเป็นว่า
เราทั้งชอบโยคะ
และกึ่งๆ มีทางเลือกอยู่ไม่มากในการทำอาชีพ
ที่ไม่ทำลายสุขภาพตัวเองในเวลาเดียวกัน
ทำให้เราต้องจริงจังกับสายอาชีพนี้
ไปให้สุดจนสามารถเลี้ยงตัวได้เหมือนตอนทำงานประจำ
และสร้างรากฐานที่แข็งแรงให้ดียิ่งกว่าเดิม
ไม่ต้องมากังวลกับการเกษียณอายุงานอีกต่อไป
เพราะการเป็นครูโยคะ ทำได้ตลอดชีพ
.
สุดท้ายษิว่า
อาชีพทุกอาชีพ
มีความยาก และง่ายของตัวเองทั้งสิ้น
ษิสรุปให้กับตัวเองได้ว่า
จุดที่เคยบอกว่ายาก
ในการเป็นครูสอนโยคะ
มันก็แค่ความ ‘ไม่เคยชิน’
แค่นั้นเอง
พอสอนหน้าเวที รอบที่ 10
เราก็ประหม่าน้อยลง
กว่าตอนสอนรอบแรกแล้ว
พอถูกปฏิเสธงานสอนบ่อยๆ เข้า
เราก็เริ่มชินกับการถูกปฏิเสธ
แต่ไม่ได้ชินชาจนไม่พัฒนาตัวเองต่อนะคะ
เราก็แค่คาดหวังกับการได้งานน้อยลง
เกร็งน้อยลง
และทำโดยที่ไปโฟกัสที่การลงมือซ้อมสอน
การลงมือหาที่โปรโมตตัวเอง
การเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ที่ยังไม่ถนัด
มากกว่าการจะทำให้สำเร็จอย่างเดียว
หรือต้องหานักเรียนให้ได้เท่านั้น
.
ถ้าเลือกแล้วว่าใช่
ก็ใส่ให้เต็มที่
ทั้งเวลา ความมุ่งมั่น
และที่สำคัญ
ความเมตตาน่ารักกับตัวเองนะคะ
ไว้มาเป็นเพื่อนร่วมาอาชีพกันค่ะ 😃
.
ษิแจก ฟรี ! เช็คลิสต์ เตรียมความพร้อมก่อนเรียนครูโยคะ
แค่กดแอดไลน์มาที่ @ luxsicayoga (มี @ ด้านหน้า)
หรือสแกน QRcode
เมื่อทำเช็คลิสค์เสร็จแล้วษิจะส่งให้เป็นกลุ่มแรกเลยค่า

Comentarios